ตัวต้านทาน อ่านค่าตัวต้านทาน

ตัวต้านทาน อ่านค่าตัวต้านทาน

ตัวต้านทาน

ในบทความตัวต้านทานนี้ จะมีเนื้อหาเกี่ยวกับ พื้นฐานของตัวต้านทาน อ่านค่าตัวต้านทาน การคำนวณตัวต้านทาน และตัวอย่างอย่างประกอบความเข้าใจเนื้อหาตัวต้านทานซึ่งจะเป็นพื้นฐานในการทำโจทย์เรื่องไฟฟ้า เพราะตัวต้านทาน เป็นหนึ่งในตัวแปร ซึ่งมีความสำคัญในกฎของโอห์ม

ตัวต้านทาน ( Resistor )

เป็นอุปกรณ์ที่เป็นความต้านทานให้กับวงจร เพื่อให้สามารถได้ค่ากระแสไฟฟ้าหรือความต่างศักย์ที่ต้องการและเหมาะสม ซึ่งที่นิยมใช้จะมีด้วยกันสองชนิด คือ

  1. ตัวต้านทานแบบคงตัว
  2. ตัวต้านทานแบบปรับค่าได้

ตัวต้านทานแบบคงตัว ( Fixed Resistor )

 คือตัวต้านทานที่มีค่าแน่นอนโดยจะพบทั่วไปในวงจรอิเล็กทรอนิกส์

การอ่านสีตัวต้านทาน

ตัวต้านทานแบบคงตัวจะใช้สีเพื่อบอกค่าของตัวต้านทาน โดยปกติจะใช้แถบสีทั้งหมด 4 แถบสี แต่ก็จะมีตัวต้านทานที่จะมีทั้งหมด 8 แถบสีได้เหมือนกัน

การอ่านสีตัวต้านทาน 4 แถบ

แถบที่ 1 แสดงตัวเลขหลัก สิบ

แถบที่ 2 แสดงตัวเลขหลัก หน่วย

แถบที่ 3 แสดงตัวเลข ของสิบยกกำลัง

แถบที่ 4 แสดงตัวเลข คลาดเคลื่อน ± กี่ %

การอ่านสีตัวต้านทาน 5 แถบ

แถบที่ 1 แสดงตัวเลขหลัก ร้อย

แถบที่ 2 แสดงตัวเลขหลัก สิบ

แถบที่ 3 แสดงตัวเลขหลัก หน่วย

แถบที่ 4 แสดงตัวเลข ของสิบยกกำลัง

แถบที่ 5 แสดงตัวเลข คลาดเคลื่อน ± กี่ %

ตารางอ่านค่าตัวต้านทาน

เมื่อเราทราบความหมายของแถบ ทั้งแบบ 4 แถบสี และแบบ 5 แถบสีแล้ว ต่อไปเรามาดูความหมายของสีแต่ละสีบนตัวต้านทานกันเถอะว่าเมื่อสีนั้นอยู่ในแถบใดจะมีค่าเป็นเท่าไหร่กันเพื่อให้สามารถ อ่านค่าตัวต้านทาน ได้นั่นเอง

ตัวอย่าง อ่านสีตัวต้านทาน

จากโจทย์เราจะพบว่า

แถบที่ 1 สีแดง มีค่าเท่ากับ 2

แถบที่ 2 สีม่วง มีค่าเท่ากับ 7

แถบที่ 3 สีน้ำตาล มีค่าเท่ากับ 10

แถบที่ 4 สีเงิน มีค่าเท่ากับ ±10 % ( เป็นค่า Error )

ตัวต้านทานแบบปรับค่าได้ ( Variable Resistor )

คือตัวต้านทานประเภทที่มีค่าไม่คงที่สามารถเปลี่ยนความต้านทานให้มากหรือน้อยได้ตามที่ต้องการ การใช้ประโยชน์

สภาพต้านทานไฟฟ้าและสภาพนำไฟฟ้า

ในบทที่ผ่านมาเราพูดถึงตัวต้านทานแบบต่าง ๆ ในบทนนี้เราจะมาสร้างตัวต้านทานที่เราต้องการกัน

สภาพต้านทานไฟฟ้า ( Electrical Resistivity )

หมายถึง ความต้านทานของสารชนิดนั้นที่ความยาวและพื้นที่หน้าตัด 1 หน่วย

การหาความต้านทาน (R)  จะหาได้จากสมการ

R = ρ(l/A)

โดยที่ R = ความต้านทางของวัตถุ (Ω)

ρ = สภาพต้านทานไฟฟ้าของวัตถุ (Ω∙m)

โดยสภาพต้านทานไฟฟ้าจะขึ้นอยู่กับชนิดของวัสดุที่นำมาหาสภาพต้านทานไฟฟ้า

l = ความยาวของวัตถุ (m)

A = พื้นที่หน้าตัดของวัตถุ (m2)

สภาพนำไฟฟ้า ( Electrical  Conductivity )

คือความสามารถในการนำไฟฟ้า เป็นลักษณะเฉพาะของวัตถุคล้ายกับสภาพต้านทานไฟฟ้า โดยสภาพนำไฟฟ้ากับสภาพต้านทานไฟฟ้าจะมีค่าผกผันกัน

ρ = 1/σ

โดยที่

ρ คือ สภาพตต้านไฟฟ้าของวัตถุ (Ω∙m)

σ  คือ สภาพนำไฟฟ้าของวัตถุ (Ω∙m)-1

ตัวอย่าง ลวดโลหะชนิดหนึ่ง มีสภาพต้านทาน 2.0 x 10-8 โอห์มเมตร และ และมีพื้นที่หน้าตัด 1.0 ตารางมิลลิเมตร ถ้าต้องการให้ลวดโลหะนี้มีความต้านทาน  1 โอห์ม จะต้องใช้ลวดยาวกี่เมตร

วิธีทำ

จากสูตร  R = ρ(l/A)

ตัวแปรที่เราทราบ

R = 1 Ω

ρ = 2 x 10-8 Ωm

A = 1 mm2  = 1 x 10-6 m2

จะได้ว่า

1 = 1 x 10-6 x l/ 2 x 10-8

l = 50 m

เพราะฉะนั้นต้องใช้ลวดโลหะชนิดนี้ยาว 50 เมตร

ตัวอย่าง เส้นลวดที่มีพื้นที่หนตัดเป็นวงกลม ถ้าความยาวและเส้นผ่านศูนย์กลางของลวดเป็น    เท่าทั้งสองค่า ความต้านทานของเส้นลวดจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร