การเคลื่อนที่แบบหมุน
การเคลื่อนที่แบบหมุน
ในธรรมชาติเกิดขึ้นได้กับอนุภาคหรือวัตถุที่มีขนาดเล็กไปจนถึงวัตถุที่มีขนาดใหญ่มาก ตั้งแต่การหมุนในระดับอะตอมไปจนถึงการหมุนของกาแลกซีในเอกภพ ในกรณีการหมุนของวัตถุที่มีขนาดใหญ่ เช่น การหมุนของล้อรถ การหมุนของดาวเคราะห์ เราไม่สามารถที่จะมองการหมุนแบบนั้นเหมือนการหมุนของอนุภาคเดี่ยว ๆ ได้ เพราะอนุภาคเหล่านั้นอยู่คนละตำแหน่ง มีระยะห่างจากแกนหมุนไม่เท่ากัน จึงมีความเร็วเชิงเส้นและความเร่งเชิงเส้นที่ไม่เท่ากันด้วย การเคลื่อนที่แบบหมุน จะเป็นการเคลื่อนที่โดยการหมุนรอบตัวเอง รอบจุดใดจุดหนึ่ง หรือ แกนใดแกนหนึ่งในตัวมัน เช่น ลูกฟุตบอล ลูกข่าง พัดลม ล้อรถ เป็นต้นการหมุนของวัตถุแข็งเกร็งรอบแกนตรึงแกนหนึ่ง แต่ละอนุภาคที่ประกอบกันเป็นวัตถุแข็งเกร็งจะมีความเร็วเชิงมุมและความเร่งเชิงมุมเท่ากันเสมอ
วัตถุจะเกิดการหมุนเมื่อมีโมเมนต์ (Moment) หรือ ทอร์ก (Torque) มากระทำ
1) ถ้าวัตถุสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ จะเกิดการหมุนเมื่อแนวแรงไม่ผ่านจุดศูนย์กลางมวลและวัตถุนั้นจะมีการหมุนรอบจุดศูนย์กลางมวล
2) ถ้าวัตถุนั้นถูกยึดด้วยแกนหมุน เช่น พัดลม ดุมล้อจักรยาน จะเกิดการหมุนเมื่อแนวแรงไม่ผ่านแกนหมุนและวัตถุนั้นจะหมุนรอบแกนหมุนนั้น (ไม่จำเป็นต้องหมุนรอบจุดศูนย์กลางมวล เหมือนกรณีที่หนึ่ง)
สรุปสูตรการเคลื่อนที่แบบหมุน
ปริมาณ | เชิงเส้น | เชิงมุม | |
การกระจัด | s | θ | |
ความเร็ว | v | ω | |
ความเร่ง | a | α | |
การแปลงเชิงเส้นเป็นเชิงมุม | s = θr | ||
การแปลงเชิงเส้นเป็นเชิงมุม | v = ωr | ||
การแปลงเชิงเส้นเป็นเชิงมุม | a = αr | ||
สูตรการเคลื่อนที่ที่มีความเร็วคงที่ | v= s/t | ω = θ/t | |
สูตรการเคลื่อนที่ที่มีความเร็วคงที่ | a = v/t | α = ω/t | |
สูตรการเคลื่อนที่ที่มีความเร่ง | v = u + at | ω = ω0+ αt | |
สูตรการเคลื่อนที่ที่มีความเร่ง | s = ut + (1/2)at2 | θ = ω0+(1/2)αt2 | |
สูตรการเคลื่อนที่ที่มีความเร่ง | v2 = u2+ 2as | ω2 = ω02 +2αθ | |
สูตรการเคลื่อนที่ที่มีความเร่ง | s = (u+v)t/2 | θ = (ω+ω0)t/2 | |
มวล | m | I | |
แรง | ∑F = ma | Στ = Iα | |
โมเมนตัม | P = mv | L = Iω | |
งาน | W =Fs | W = τθ | |
กำลัง | P = w/t = Fv | P = W/t = τω | |
พลังงานจลน์ | Ek = (1/2)mv2 | Ek = (1/2)Iω2 |
โดยที่
S คือ การกระจัดเชิงเส้น มีหน่วยเป็น เมตร (m)
θ คือ การกระจัดเชิงมุม มีหน่วยเป็น เรเดียน (rad)
V คือ ความเร็วปลายเชิงเส้น มีหน่วยเป็น เมตรต่อวินาที ( m/s )
U คือ ความเร็วต้นเชิงเส้น มีหน่วยเป็น เมตรต่อวินาที ( m/s )
ω คือ ความเร็วต้นเชิงมุม มีหน่วยเป็น เรเดียนต่อวินาที (rad/s)
ω0 คือ ความเร็วปลายเชิงมุม มีหน่วยเป็น เรเดียนต่อวินาที (rad/s)
A คือ ความเร่ง มีหน่วยเป็น เมตรต่อวินาที2 (m/s2)
α คือ ความเร่งเชิงมุม มีหน่วยเป็น เรเดียนต่อวินาที2 (rad/s2)
t คือ เวลา มีหน่วยเป็น วินาที (s)
τ คือ แรงที่ทำให้เกิดการหมุน มีหน่วยเป็น นิวตันเมตร (N⋅m)
F คือ แรงที่กระทำต่อวัตถุ มีหน่วยเป็น นิวตัน (N)
r คือ ระยะตั้งฉากจากแนวแรงไปยังแกนหมุน มีหน่วยเป็น เมตร (m)
I คือ โมเมนต์ความเฉื่อย มีหน่วยเป็น กิโลกรัมเมตร2
α คือ ความเร่งเชิงมุม มีหน่วยเป็น เรเดียนต่อวินาที2
เงื่อนไขที่จำเป็นสำหรับ การเคลื่อนที่แบบหมุน
1) ทุก ๆ อณูของวัตถุต้องเคลื่อนที่ในแนววงกลม
2) ศูนย์กลางของทุก ๆ วงกลม ต้องอยู่บนเส้นตรงเดียวกันเส้นตรงนี้เรียกว่า แกนของการหมุน
ปริมาณที่เกี่ยวข้องกับการหมุน
การกระจัดเชิงมุม (Angular displacement)
คือ มุมที่กวาดไปในระนาบของการเคลื่อนที่ เป็นปริมาณเวกเตอร์ มีทิศทางตามกฎมือขวา
S = θ /R หน่วย เรเดียน ( rad )
การหาทิศของการกระจัดเชิงมุม
โดยใช้มือขวากำรอบแกนหมุน นิ้วทั้งสี่แทนทิศการหมุน นิ้วหัวแม่มือทาบไปตามแกนหมุน ทิศของการกระจัดเชิงมุมจะมีทิศเดียวกับการชี้ของหัวแม่มือ
ความเร็วเชิงมุม (w)(Angular speed)
คือ การกระจัดเชิงมุมที่เปลี่ยนไปในหนึ่งหน่วยเวลา มีทิศเดียวกับการกระจัดเชิงมุม
ความเร็วเชิงมุมเฉลี่ย
ความเร็วเชิงมุมขณะหนึ่ง
โดยทุกจุดของวัตถุแข็งเกร็งจะหมุนด้วยความเร็งเชิงมุมที่เท่ากัน
ความเร่งเชิงมุม (α) (Angular acceleration)
คือ ความเร็วเชิงมุมที่เปลี่ยนไปในหนึ่งหน่วยเวลา มีทิศเดียวกับความเร่งเชิงมุมเฉลี่ย
ความเร่งเชิงมุมขณะหนึ่ง
ความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณเชิงเส้นและเชิงมุม
ตำแหน่ง
ความเร็วเชิงเส้น
จากสมการ จะเห็นว่ากรณีวัตถุแข็งเกร็งหมุนรอบแกนหมุน อนุภาคทุกอนุภาคในวัตถุจะมีความเร็วเชิงมุมเท่ากันแต่มีความเร็วเชิงเส้นไม่เท่ากันโดยขึ้นอยู่กับระยะห่างจากแกนหมุน ยิ่งห่างมากก็ยิ่งเร็วมาก
ความเร่งในแนวสัมผัส (Tangential)
ความเร่งในแนวรัศมี (Radial) หรือความเร่งสู่ศูนย์กลาง
ดังนั้น ความเร่งลัพธ์
เปรียบเทียบกับสมการการเคลื่อนที่แนวเส้นตรงกับแบบหมุนกรณีหมุนด้วยความเร่งเชิงมุม(α ) คงที่
โมเมนต์ความเฉื่อย (Moment of inertia)
โมเมนต์ความเฉื่อยของวัตถุ เป็นสมบัติของวัตถุแข็งเกร็งในการต่อต้านการเปลี่ยนแปลงความเร็วเชิงมุมของการหมุนของวัตถุรอบแกนหมุน เป็นปริมาณสเกลาร์ หน่วย kg ⋅m2
- กรณีอนุภาคเป็นมวลย่อย ๆ
2. กรณีอนุภาคประกอบกันเป็นวัตถุแข็งเกร็ง
การหาโมเมนต์ความเฉื่อยโดยใช้ทฤษฎีบทแกนขนาน (Parallel–Axis Theorem)
ในกรณีที่วัตถุหมุนรอบแกนที่ไม่ใช่แกนสมมาตร เราจะสามารถหาโมเมนต์ความเฉื่อยของวัตถุรอบแกนไม่สมมาตร โดยใช้ทฤษฎีบทแกนขนาน เป็นทฤษฎีที่แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างโมเมนต์ความเฉื่อย IPของวัตถุรอบแกนที่ผ่านจุด P กับโมเมนต์ความเฉื่อย ICMของวัตถุรอบแกนที่ผ่านจุดศูนย์กลางมวลและขนานกับแกนที่ผ่านจุด P ของวัตถุนั้น
- เมื่อ h คือ ระยะห่างระหว่างจุดหมุนใหม่กับจุดศูนย์กลางมวลของวัตถุในแนวแกนหมุนนั้น
ง่าย ๆ คือ ค่าโมเมนต์ความเฉื่อยของวัตถุที่มีจุดหมุนอยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางมวลเป็นระยะ h
โมเมนต์ความเฉื่อย จะมีค่าเท่ากับ ผลบวกของโมเมนต์ความเฉื่อยของวัตถุที่หมุนผ่านจุดศูนย์กลางมวล ICMบวก กับ Mh2
ทอร์ก (Torque) และความสัมพันธ์ระหว่างทอร์กกับความเร่งเชิงมุม
ทอร์ก (τ) หรือ โมเมนต์ของแรง (Moment of a force) คือ ความพยายามของแรงที่จะหมุนวัตถุรอบแกนหรือจุดหมุนหรือก็คือ โมเมนต์ของวัตถุที่เคลื่อนที่แบบหมุน มีหน่วย N⋅m เกิดจากผลคูณเชิงเวกเตอร์ของเวกเตอร์ตำแหน่ง r กับแรง F
ขนาดของทอร์ก = แรง X ระยะทางตั้งฉากจากจุดหมุนถึงแนวแรง (แขนโมเมนต์ หรือ Moment arm)
งาน กำลัง และพลังงานในการเคลื่อนที่แบบหมุน
การเคลื่อนที่แบบการกลิ้ง (Rolling Motion, without slipping)หรือ การหมุนรอบแกนที่เคลื่อนที่
การเคลื่อนที่แบบกลิ้ง คือ การเคลื่อนที่โดยวัตถุจะมีการหมุน (Rotation) และมีการเลื่อนที่ (translation)ไปพร้อม ๆ กัน แต่ไม่ใช่การไถล ตัวอย่างเช่น ล้อรถจักรยาน ล้อรถยนต์ เป็นต้น ซึ่งมีทั้งการเลื่อนที่และหมุนไปพร้อมกัน
พลังงานจลน์ของการเคลื่อนที่แบบกลิ้ง
การเคลื่อนที่แบบกลิ้ง หรือ การเคลื่อนที่ที่ประกอบไปด้วยการเคลื่อนที่แบบเลื่อนที่ (หรือเส้นตรง) และการเคลื่อนที่แบบหมุนไปพร้อมกัน เช่น ลูกบอล ลูกกอล์ฟ ลูกปืน เป็นต้น ดังนั้นพลังงานจลน์ของระบบการเคลื่อนที่แบบกลิ้งจึงเป็น“พลังงานจลน์ทั้งหมดของการกลิ้งของวัตถุ มีค่าเท่ากับ ผลรวมของพลังงานจลน์ของการหมุนรอบจุด C.M. และพลังงานจลน์ของการเลื่อนที่รอบจุด C.M.”
โมเมนตัมเชิงมุม (Angular Momentum) (L)
ความสัมพันธ์ระหว่างโมเมนตัมเชิงมุมกับโมเมนตัมเชิงเส้น
โมเมนตัมเชิงมุมขณะหนึ่ง (Instantaneous angular momentum)คือ ผลคูณเชิงเวกเตอร์ของเวกเตอร์ตำแหน่งกับโมเมนตัมเชิงเส้น
และ
ดังนั้น L=Iw โมเมนตัมเชิงมุม คือ ผลคูณระหว่างโมนเมนต์ความเฉื่อยกับความเร็วเชิงมุม
กฎการอนุรักษ์โมเมนตัมเชิงมุม (Conservation of Angular Momentum)
กล่าวว่า “ถ้าทอร์กลัพธ์จากภายนอกมากระทำต่อวัตถุหรือระบบมีค่าเป็นศูนย์ ผลรวมโมเมนตัมเชิงมุมของวัตถุหรือระบบจะมีค่าคงตัว ทั้งขนาดและทิศทางเสมอ”